วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

Roaming Laos trip (Chiang Mai-Vientiane 8-01-58)

ROAMMING

Laos Trip Chiang Mai-Vientiane 8-01-58


 ทุกคนมีความฝันครับและฝันของแต่ละคนแตกต่างกันไปซึ่งแน่นอนคุณผู้อ่านที่อ่านบล๊อคผมอยู่ในขณะนี้แน่นอนว่าหนึ่งในความฝันของคุณคือ"การท่องเที่ยว"เราจึงมารวมตัวกันที่บล๊อคนี้และอยากแชร์ประสบการณ์ต่างๆที่ได้เจอมาระหว่างการที่เราได้ตะลอนท่องโลกแห่งนักเดินทาง หวังว่าทุกคนจะชอบครับ.

         • Oh! my first trip 

"กรุณาปรับเบาะที่นั่งให้อยู่ในระดับปกติด้วยค่ะ" เสียงพนักงานสายการบินนกแอร์สุดแสนจะน่ารักได้บอกให้ผมปรับเบาะเพื่อเตรียมตัวสำหรับการขึ้นบิน

การเดินทางครั้งนี้เป็นครั้งแรกของปี (ก็ใช่นะสิพึ่งวันที่8มค58เองนี่กว่า) หลังจากที่เครื่องได้ take off จากสนามบินเชียงใหม่แล้วก็เท่ากับว่าเวลาของการเดินทางท่องเที่ยวครั้งนี้ได้เริ่มขึ้นแล้วเช่นกัน

ก่อนอื่นผมขอบอกก่อนว่าทริปนี้ผมกำลังจะเดินทางจากแดนสยามเข้าไปสู่แผ่นดินเพื่อนบ้านเราใกล้ๆไม่ไกลครับ สปป.ลาว นี่เอง และไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิดนะว่านั่งเครื่องจากเชียงใหม่ตรงสู่นครเวียงจันทร์เมืองหลวงอันแสนงดงามของลาวเปล่าเลย..ผมมากับเพื่อนอีกสองคนที่พวกมันนั่งรถไฟจาก กทม แดนสยามมารอผมตั้งแต่ ตอนเช้าและมันมีอะไรที่ตะลุยกว่านั้น

ระหว่างที่ยืนรอกระเป๋าผมก็ได้รายงานผู้ที่คอยสนับสนุนเราอยู่เบื้องหลัง(พ่อ-แม่)ว่าเราถึง...สนามบินนานาชาติอุดรธานีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ผมหยิบกระเป๋าเป้สีแดงที่มีน้ำหนักกว่า9กก เดินออกจากจุดรับกระเป๋าก็เจอเพื่อนที่ทำหน้าอ่อนล้าจากการนั่งรอผมเป็นเวลากว่า8ชั่วโมง

หลังจากนั้นก็ออกเดินทางโดยรถตู้โดยสารส่งตรงจากสนามบินสู่สะพานมิตรภาพไทย-ลาวราคาประมาณคนละ200บาท

เราสามคนใช้เวลาจากสนามบินอุดรธานีมาถึงสะพานเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ก็ถึงสะพานมิตรภาพไทย-ลาวฝั่งไทยเราทำการตรวจพาสปอร์ตเรียบร้อยก็มีรถเมล์พาข้ามสะพานไปแดนลาวราคาค่ารถคนละ20บาท

เมื่อข้ามเขตแดนอำลาแผ่นดินไทยมาแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเหยียบลาวเป็นครั้แรก เวลาตอนนั้นก็ราวๆ19:00 ฟ้าครึ่มๆสลัวๆเริ่มได้กลิ่นอายความเป็นลาวเพราะเมื่อผมลงจากรถเมล์ มาก็เห็นป้ายโฆษณา Samsung S5 เป็นภาษาลาวแต่..สกิลการอ่านภาษาลาวเท่ากับศูนย์..

พอลงจากรถเมล์ก็ถึงเวลาจัดการเรื่องการผ่านด่านทุกคนเตรียมพาสปอร์ตออกมาจัดการทำหน้าที่ผ่านด่านอย่างถูกกฏหมาย...ในขณะนั้น!!ผู้ก่อการร้ายซุ่มโจมตีเสียงปืนดั่งสนัน ตอนเวลาในเที่ยงคืนกว่า...(นั้นมันเพลง!!)...ในขณะนั้นก็มีเสียงผู้ชายสูงอายุแทรกมาระหว่างเราสามคนว่า..

"จะไปไหน?"เราสามคนหันหน้าไปหาต้นทางของเสียงอย่างพร้อมเพียง ปรากฏว่าเป็นชายวัย40-50ปีคนนึงกำลังรอคำตอบจากที่เค้าได้ถามมา
"ไปเวียงจันทร์ครับ"ผมตอบคำถามก่อนที่ลุงจะต่อยพวกเราเพราะความเงียบ
"เหมารถตู้มั้ย200บาท"ไม่ทันไรก็ถามต่อซะละลุง!

เอาตรงๆนะครับเราก็ไม่เคยมาลาวกันเลยทั้งสามคนและไม่รู้ว่าเรทราคาไหนแพงราคาไหนถูกเราจึงรีบตอบปฏิเสธไปกันก่อนแล้วขอตรวจพาสปอร์ตผ่านแดนลาวก่อน


ลุงแกเซ้าซี้อยู่นานครับแต่ผมก็ปฏิเสธตลอดจนลุงแกเริ่มรำคาญเพราะเราไม่ยอมตกลงแล้วลุงแกก็เดินจากไปแต่ทิ้งท้ายด้วยเสียงตะโกนว่า "เรื่องมากวเว้ยย!!"...อ่าวเห้ยนี่เราไม่ซื้อนี่ผิดหรอ?
เอาละไงก้าวแรกเมื่อเหยียบแผ่นดินลาวก็โดนซะแล้ว

ฟ้าเริ่มมืดแล้ว..หลังจากนั้นเราก็ตะเวนหารถเข้าเวียงจันทร์จนได้แต่กว่าจะได้นี่เหงือกแห้งเหมือนกันเพราะรถบริการจะหมดแล้ว สุดท้ายเราได้รถเข้าเมืองเวียงจันทร์กันไป150บาทตกคนละ50บาท(นี่ไม่ได้ถูกลงเท่าไหร่เลย แต่มันก็หารลงตัวดี) ใช้เวลาเดินทางจากสะพานมิตรภาพเข้าตัวเมืองประมาณเกือบๆครึ่งชมเลยครับระยะทางประมาณ20กว่ากิโล
พอเคลียร์ค่าใช้จ่ายกับลุงขับรถเสร็จแล้วก็ถึงเวลาเดินทางหาที่พัก....

"กระเป๋ากล้องละ?"เอาละครับไม่ทันไรก็ลืมของแล้ว
"บนรถสามล้อลุงแน่ๆ" โจ ผู้เป็นเจ้าของเสียง เป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัยเดียวกันหนึ่งในสองผู้ร่วมทริปกับผม หลังจากนั้นโจก็ช่วยตะโกนเรียกลุง ว่าลืมของบนรถ โชคดีที่ยังไปไม่ไกลมาก
เอาละถึงเวลา ที่พวกผมรอคอยกันมาตลอดสามเดือนที่ผ่านมา(ไฟในการท่องเที่ยวมาเต็ม)..

"FULL" , "เต็ม!" , "ห้องพักไม่ว่าง!!" เวลากว่า20นาทีระยะทางกว่า3กมและกระเป๋าหนักๆ ทำให้แรงเริ่มหมดไปจนกระทั่ง
"Cheap rooms available" โจ ผู้ที่ให้ความหวังกับทุกคนกลับมาอีกครั้ง
ผมเข้าไปถามว่ามีห้องว่างมั้ย พนักงานใจดีมากครับ ต้อนรับเป็นอย่างดี ราคาห้องก็ถูก 320 บาท เท่านั้น พอขึ้นไปถึงห้องสภาพห้องดีกว่าที่คิด ห้องกว้าง สะอาด ห้องน้ำรวม

หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกับการหาที่พักมานาน ถึงเวลาที่จะต้องไปหาของกินลงท้องเพื่อเพิ่มพละกำลัง

"18,000 กีบ นี่มันกี่บาทวะ"พวกเรา งง กับราคากันมากครับตลอดระยะเวลาเที่ยว เราแทบ หยิบมือถือมาคิดเลขอยู่แทบทุกครั้ง เราตัดสินใจกินข้าวผัดกันในราคาจานละ18,000กีบราวๆ 75 บาท (แพงใช่ย่อย)หลังจากเติมพลังร่างกายแล้วก็ถึงเวลาเติมพลังจิตใจ หาร้านกาแฟนั่งกัน ไม่ใช่ว่าลูกผู้ดีกินของคาวแล้วหาของหวานกินนะครับ..หาWIFIต่างหาก ราคากาแฟ ตกแก้วละประมาณ20,000-22,000 กีบ ไม่สนครับ WIFIสำคัญมาก

ทุกคนต่อwifiได้ ยกเว้น มอส มอสคือเพื่อนร่วมทริปอีกคน ซึ่งเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน เช่นกัน
ต่ออยู่นานครับก็ไม่ติดจน เราคิดว่า ถ้าเราต่อwifiร้าน แล้ว แชร์ hotspot ให้เพื่อนคงเล่นได้...
. . .ไม่ได้แถมเด้งคู่ครับ เอาละงานงอกแล้ว ใช้เวลาต่อไปอีกซักพัก พอเริ่มหมดหนทางผมตัดสินใจ บอกพี่พนักงานแกว่า wifiร้านต่อไม่ได้ พี่แกไม่พูดไม่จา เดินมา กด ปิด-เปิด router wifi ใหม่เลย ในขณะที่ โจ และคนอื่นๆ ในร้าน ก็เล่นกันอย่างเพลิดเพลิน..(ชิบหายละนี่ทำเพื่อเราขนาดนี้เลยหรอนี่)
แต่มันก็เป็นผลครับ หลังจากนั้นเราทุกกคนก็กลับมาต่อ wifi ได้ ปิดท้ายของวันเราก็ ซื้อเบียร์ ลาว อันลือชื่อของที่นั่น จิบๆ กันคนละขวด แล้วก็กลับเข้าที่พักเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้..ต่อไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น